เมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๖๖ นางอุรีรัชต์ เจริญโต อธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศให้การต้อนรับ นาย Felix Cassanova Cambronero รองหัวหน้าคณะผู้แทนประจำภูมิภาค แห่งคณะ กรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (International Committee of the Red Cross: ICRC) ในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะ เพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างกรมความร่วมมือฯ กับ ICRC โดยมี น.ส. ชิดชนก มาลยะวงศ์ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมด้วย ณ ห้องประชุม ๒ กรมความร่วมมือฯ

ICRC กล่าวแนะนำบทบาทหน้าที่ขององค์กรว่า ได้ก่อตั้งสำนักงานในไทยเมื่อปี ค.ศ. ๑๙๗๕ (พ.ศ. ๒๕๑๘) ครอบคลุมการดำเนินงานในไทย เมียนมา กัมพูชา สปป. ลาว และเวียดนาม มุ่งเน้นการดำเนินงานการให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมในสาขาต่าง ๆ อาทิ การแพทย์และสาธารณสุข ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ และการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (International Humanitarian Law) โดยให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่เสี่ยง และพื้นที่ที่มีความขัดแย้ง ทั้งระหว่างและภายหลังเกิดเหตุ โดยเฉพาะตามแนวชายแดน

อธิบดีกรมความร่วมมือฯ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า กรมความร่วมมือฯ ได้ดำเนินงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาในหลากหลายสาขา อาทิ สาธารณสุข การศึกษา การเกษตร ร่วมกับประเทศคู่ร่วมมือต่าง ๆ โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ เมียนมา กัมพูชา และ สปป. ลาว ในระดับรัฐบาลต่อรัฐบาล เช่น การส่งมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ และห้องปฏิบัติการวิจัยในช่วงการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 การดำเนินโครงการพัฒนาโรงพยาบาลคู่มิตร (Twin Hospital) อาทิ การสนับสนุนงานด้านระบบส่งต่อผู้ป่วย (Referral Systems) และการจัดอบรมด้านการป้องกันโรคติดต่อข้ามแดน เช่น มาลาเรีย

นอกจากนี้ กรมความร่วมมือฯ และ ICRC อาจพิจารณามีความร่วมมือระหว่างกันในสาขาที่ทั้งสองฝ่ายเชี่ยวชาญ และให้ความสำคัญตามแนวชายแดน อาทิ การจัดตั้งศูนย์ฟื้นฟู และอบรมวิชาชีพผู้ประสบภัยต่าง ๆ ตามแนวชายแดน การพัฒนาฝีมือแรงงาน การให้บริการทางการแพทย์ การเก็บกู้วัตถุระเบิด และการฟื้นฟูผู้ประสบภัย/ผู้พิการจากวัตถุระเบิด ทั้งนี้ กรมความร่วมมือฯ แสดงความพร้อมที่จะดำเนินความร่วมมือร่วมกับ ICRC เช่น การจัดอบรมวิชาชีพ ภายใต้โครงการจัดตั้งศูนย์แรกรับเหยื่อการค้ามนุษย์ และกลุ่มเสี่ยงที่ปอยเปต จังหวัดบันเตียเมียนเจย กัมพูชา และมีความยินดีหาก ICRC จะเข้าใช้พื้นที่ดำเนินกิจกรรม ณ โรงพยาบาลตามแนวชายแดนที่เป็นเครือข่ายภายใต้โครงการของกรมความร่วมมือฯ หรือร่วมสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ยังขาดแคลน เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมร่วมกันต่อไป