เมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๖๔ นางอุรีรัชต์ เจริญโต อธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ ได้พบหารือกับนาย MORITA Takahiro, Chief Represnentative องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) ประจำประเทศไทย ณ ห้องรับรอง กรมความร่วมมือระหว่างประเทศ ในโอกาสที่อธิบดีฯ เข้ารับตำแหน่งใหม่ โดยมีรองอธิบดีและผู้อำนวยการและเจ้าหน้าที่ภารกิจความร่วมมือหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาเข้าร่วมด้วย โดยสาระสำคัญของการหารือสรุปได้ดังนี้

          ๑. อธ. ยินดีที่จะได้ร่วมงานกับ JICA ซึ่งมีความร่วมมือกับไทยมายาวนาน โดยเห็นว่า ความร่วมมือระหว่างประเทศเป็นมิติสำคัญในการส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีไทย-ญี่ปุ่น และความร่วมมือมิได้จำกัดแค่สองประเทศ หากแต่ยังส่งต่อความช่วยเหลือให้กับประเทศในอนุภูมิภาคและภูมิภาคผ่านความร่วมมือในรูปแบบหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา

          ๒. นาย MORITA แสดงความยินดีกับ อธ. ในโอกาสรับตำแหน่งใหม่ และขอบคุณสำหรับความร่วมมือที่ผ่านมา รวมถึงเรื่องอาสาสมัคร โดยไทยเป็นประเทศที่สองที่ JICA ส่งอาสาสมัครญี่ปุ่นกลับเข้ามาปฏิบัติงานภายหลังสถานการณ์ COVID-19 พร้อมกล่าวว่า ปี ๒๕๖๔ จะครบรอบ ๔๐ ปีความร่วมมือทางวิชาการโดยหากสถานการณ์เอื้ออำนวย อาจร่วมกันจัดกิจกรรมเพื่อฉลองโอกาสดังกล่าว ซึ่ง อธ. เห็นพ้องและรับในหลักการ นอกจากนี้ อธ. ขอให้ JICA พิจารณาความเป็นไปได้ที่ไทยจะจัดส่งอาสมัครไทย (Friends from Thailand: FFT)
(ซึ่งปัจจุบันไทยส่งไปปฏิบัติงานในหลายประเทศ อาทิ เวียดนาม เลโซโท และติมอร์-เลสเต) ไปปฏิบัติงานที่ญี่ปุ่น
โดยไทยรับผิดชอบค่าใช้จ่าย ซึ่งถือเป็นการเสริมสร้างศักยภาพของบุคลากรไทยด้วย ซึ่งนาย MORITA เห็นพ้องและ
รับจะไปประสานกับ HQ ต่อไป โดยเห็นว่า FFT อาจไปปฏิบัติงานที่ JOCV Training Center ซึ่งเป็นศูนย์ฝึกอบรมอาสาสมัครญี่ปุ่นก่อนเดินทางมาปฏิบัติงานที่ประเทศไทย

          ๓. อธ. ยินดีกับการประชุม JTPP3 ที่ผ่านมา ซึ่งประสบความสำเร็จด้วยดี พร้อมเสนอให้ฝ่ายญี่ปุ่นพิจารณาข้อเสนอโครงการความร่วมมือจากหน่วยงานไทยที่หลากหลายขึ้น เพื่อให้หน่วยงานเหล่านั้นได้มีประสบการณ์ร่วมมือกับองค์กรชั้นนำด้านความร่วมมือเพื่อการพัฒนาเช่น JICA ซึ่งนาย MORITA แจ้งว่า JICA ยินดีที่จะร่วมมือกับหน่วยงานไทยอย่างเปิดกว้าง พร้อมเน้นว่า ความร่วมมือกับไทยเป็นต้นแบบที่ดีสำหรับความร่วมมือระหว่างญี่ปุ่นกับประเทศอื่นในภูมิภาค

          ๔. อธ. เน้นถึงความร่วมมือในรูปแบบหุ้นส่วนความร่วมมือฯ ภายใต้กรอบ ACMECS และ Mekong-Japan ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนในภูมิภาค โดยทั้งสองฝ่ายอาจพิจารณาคัดเลือกโครงการที่เห็นชอบร่วมกันใน JTPP3 ไปขยายผลและประชาสัมพันธ์ในกรอบ ACMECS และ Mekong-Japan เพื่อให้ประชาคมระหว่างประเทศได้รับรู้เกี่ยวกับความร่วมมือที่ไทยและญี่ปุ่นได้ร่วมสนับสนุนในกรอบอนุภูมิภาคต่าง ๆ และเป็นที่ยอมรับในวงกว้างขึ้น และในฐานะที่กรมความร่วมมือฯ ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบเสาที่ ๓ ของแผนแม่บท ACMECS Master Plan (2019-2023) ยินดียิ่งหากญี่ปุ่นในฐานะหุ้นส่วนความร่วมมือฯ ของ ACMECS จะร่วมสนับสนุนความร่วมมือภายใต้เสาที่ ๓ ซึ่งเรื่องการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เป็นประเด็นที่ไทยและญี่ปุ่นมีความความเชี่ยวชาญและความสนใจร่วมกัน ซึ่งนาย MORITA เห็นพ้อง