เมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๖ นางอุรีรัชต์ เจริญโต อธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศเปิดหลักสูตรฝึกอบรมสัมนาระยะสั้นให้แก่ ผู้พิพากษา ผู้ช่วยพิพากษา จ่าศาล และพนักงานอัยการของสปป.ลาว ที่ศาลปกครอง ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ และศาลปกครองระยอง จ.ระยอง ระหว่างวันที่ ๑๑ – ๑๗ มิถุนายน ๒๕๖๖ ซึ่งเป็นกิจกรรมภายใต้ภายใต้โครงการความร่วมมือทางวิชาการเพื่อเตรียมการจัดตั้งคณะศาลปกครองในศาลประชาชนสูงสุดแห่ง สปป.ลาว โดยมีนายสุชาติ มงคลเลิศลพ รองประธานศาลปกครองสูงสุด เข้าร่วมพิธีเปิดฯและกล่าวต้อนรับคณะ สปป.ลาว ที่เข้าร่วมการฝึกอบรมฯ ทั้ง ๑๙ คน ซึ่งมีนายบุนขวาง ทะวีสัก รองประธานศาลประชาชนสูงสุดแห่ง สปป. ลาว เป็นหัวหน้าคณะ

ในโอกาสนี้ อธิบดีกรมความร่วมมือฯ ได้กล่าวแสดงความยินดีกับ สปป.ลาว ต่อความสำเร็จในการจัดตั้งคณะศาลปกครองในศาลประชาชนสูงสุดแห่ง สปป.ลาว พร้อมทั้งกล่าวถึงความสำคัญของโครงการนี้ ที่มีต่อรัฐบาลไทยและรัฐบาล สปป.ลาว เนื่องจากเป็นโครงการฯ ที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันใกล้ชิดและแนบแน่นระหว่างทั้งสองประเทศ ซึ่งฝ่ายไทยมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสในการสนับสนุน สปป. ลาว ในภารกิจการพัฒนาศาลปกครองในศาลประชาชนสูงสุดของ สปป. ลาว จนสำเร็จ การจัดตั้งคณะศาลปกครองนี้ ถือได้ว่าเป็นพัฒนาการที่สำคัญและจะส่งผลทางบวกต่อประชาชนของ สปป. ลาว โดยตรง

โดยหลักสูตรการฝึกอบรมฯ นี้ เป็นกิจกรรมสุดท้ายภายใต้โครงการฯ ซึ่งมีสำนักงานศาลปกครองเป็นหน่วยงานดำเนินงาน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งและเตรียมความพร้อมให้แก่ฝ่ายลาว ก่อนที่จะได้เริ่มปฏิบัติงานจริงได้อย่างเต็มที่ในคณะศาลปกครองในศาลประชาชนสูงสุดแห่ง สปป.ลาว ผ่านการฝึกการปฏิบัติงาน และร่วมสังเกตการณ์การปฏิบัติงานของศาลปกครองในไทย ทั้งในส่วนกลางและจังหวัดระยอง ซึ่งจะเปิดโอกาสการแลกเปลี่ยนข้อมูล องค์ความรู้ และประสบการณ์ของบุคลการของทั้งสองฝ่ายอย่างต่อเนื่องในอนาคต

นอกจากนี้ อธิบดีกรมความร่วมมือฯ ย้ำว่า กว่า ๘ ปี ที่ได้ดำเนินงานโครงการนี้จนสำเร็จ และ ในวันนี้ สปป. ลาวได้มีรัฐบัญญัติของประธานประเทศว่าด้วยการดำเนินคดีปกครอง ซึ่งส่งผลให้ สปป.ลาว สามารถเปิดทำการคณะศาลปกครองได้อย่างเป็นทางการ ความมุ่งมั่น ทุ่มเท ทั้งแรงกาย แรงใจ ของทั้งสองฝ่ายที่ทำให้โครงการประสบผลสำเร็จในวันนี้ ซึ่งจะนำไปสู่ก้าวต่อไปของการบรรลุเป้าหมายความร่วมมือเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนระหว่างไทยกับ สปป.ลาว และส่งเสริมสิทธิมนุษยชนในการเข้าถึงการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมในอนาคตต่อไป