เมื่อวันที่ ๑๐ สิงหาคม ๒๕๖๖ นางอุรีรัชต์ เจริญโต อธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ ให้การต้อนรับนางคยองซัน คิม (Ms. Yoonhee Jeong) ผู้อำนวยการองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย นางอิลาเรีย ฟาเวโร (Ms. Ilaria Favero) หัวหน้าฝ่ายการพัฒนาวัยรุ่นและการมีส่วนร่วม และนางยุนฮี จอง (Ms. Yoonhee Jeong) ผู้เชี่ยวชาญฝ่ายเสริมสร้างและพัฒนาเครือข่ายองค์กรในโอกาสเข้าเยี่ยมคารวะ โดยมี นางสาวชิดชนก มาลยะวงศ์ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมและประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมด้วย ณ ห้องประชุม ๒ กรมความร่วมมือระหว่างประเทศ

ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงแนวทางการเพิ่มพูนความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างกัน โดยอธิบดีกรมความร่วมมือฯ ได้แจ้งนโยบายของกรมความร่วมมือฯ ในปัจจุบันที่ให้ความสำคัญกับความมั่นคงของมนุษย์ใน ๔ สาขา ได้แก่ อาหาร สุขภาพ/สาธารณสุข อาชีพ และพลังงาน/สิ่งแวดล้อม รวมทั้งการน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาขับเคลื่อนความร่วมมือกับหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาเพื่อนำไปสู่เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SEP for SDGs) ในขณะที่ผู้แทนจาก UNICEF ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ ๕ ภารกิจหลักในการดำเนินงานภายในประเทศไทย ประกอบด้วย (๑) การพัฒนาเด็กปฐมวัย (๒) การศึกษา (๓) การพัฒนาความยืดหยุ่น โอกาส และศักยภาพของเยาวชน (๔) การคุ้มครองเด็ก และ (๕) นโยบายสังคม

ในโอกาสนี้ อธิบดีกรมความร่วมมือฯ ได้เสนอแนวทางความร่วมมือตามกรอบความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนระหว่างไทยและสหประชาชาติ พ.ศ. ๒๕๖๕ – ๒๕๖๙ ที่มีร่วมกัน ซึ่งมุ่งส่งเสริมความร่วมมือใต้-ใต้ และไตรภาคี เพื่อต่อยอดภารกิจเพื่อเด็กของ UNICEF อาทิ ความร่วมมือไตรภาคีกับ UNICEF ในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง หรือเอเชียอื่น ๆ เช่น ภูฏาน และติมอร์-เลสเต เช่นเดียวกับที่กรมความร่วมมือฯ กำลังจะริเริ่มความร่วมมือด้านการผดุงครรภ์กับ UNFPA ประจำติมอร์-เลสเต โดยอาจเพิ่มเติมกลุ่มเป้าหมายในส่วนของเด็กและเยาวชน หรือสตรีที่เป็นผู้พิการทางด้านร่างกายและความหลากหลายทางระบบประสาท รวมถึงกลุ่มผู้ซึ่งมีความหลากหลายทางเพศ โดยกรมความร่วมมือฯ มีความร่วมมือกับมูลนิธิศูนย์พัฒนาและฝึกอบรมคนพิการแห่งเอเชียและแปซิฟิก (Asia-Pacific Development Center on Disability: APCD) อย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว

ผู้แทน UNICEF ได้เสนอการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่ประเทศที่สาม อาทิ การจัดอบรมหรือการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการในหัวข้อที่เคยดำเนินการร่วมกัน อาทิ การยุติการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีและซิฟิลิสจากแม่สู่ลูกให้แก่ภูมิภาคเอเชียกลาง และการฝึกอบรมวิชาชีพให้แก่เยาวชนที่ว่างงานในอาเซียน นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายอาจร่วมกันพิจารณาจัดทำเอกสารแผนงานระยะ ๓ ปี (๒๕๖๗ – ๒๕๖๙) ระหว่างกันในลักษณะเดียวกันกับที่กรมความร่วมมือฯ ได้ทำกับหน่วยงานของสหประชาชาติอื่น ๆ ซึ่งผู้แทน UNICEF เห็นพ้องด้วย และได้แจ้งเพิ่มเติมว่า UNICEF ได้เริ่มรวบรวมสถิติการให้ความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาอย่างเป็นทางการ (Official Development Assistance: ODA) ของไทยที่ได้มอบให้กับ UNICEF ซึ่งในปีที่ผ่านมามีจำนวนมากกว่า ๕๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อคำนวณรวมสิทธิต่าง ๆ อาทิ การให้เช่าพื้นที่ตั้งของสำนักงาน โดย UNICEF ยินดีให้ข้อมูลดังกล่าวเพื่อสนับสนุนการเก็บสถิติของฝ่ายไทย