เมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๖๗ นางอรุณี ไฮม์ม รองอธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ ได้หารือร่วมกับ Mr. Tormarbulang Lumbantobing, Chief Executive Officer (CEO) แห่ง Indonesian Agency for International Development (Indonesian AID) ในห้วงการประชุม Development Leaders Conference 2024 ณ เมืองบาหลี อินโดนีเซีย โดยมีเจ้าหน้าที่กรมความร่วมมือฯ และ Indonesian AID เข้าร่วมด้วย

Mr. Tormarbulang กล่าวขอบคุณกรมความร่วมมือฯ สำหรับการพบหารือในวันนี้ และให้ข้อมูลว่า Indonesian AID ได้ดำเนินงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาในหลากหลายสาขา โดยเฉพาะสาขาเกษตรกรรม อาทิ โครงการในฟิจิเพื่อการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ในระดับภูมิภาค (Regional Learning Center) ณ เมืองรากิรากิ (Rakiraki) โดยอยู่ระหว่างการจัดซื้อจัดจ้างตามขั้นตอนของฟิจิ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้ศูนย์การเรียนรู้ดังกล่าวในการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่ประเทศอื่น ๆ โดยได้ทาบทามฝ่ายไทยในการพิจารณาความเป็นไปได้ในการมีความร่วมมือร่วมกันในประเทศหมู่เกาะแปซิฟิก นอกจากนี้ Indonesian AID ยังสนใจที่จะแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์การดำเนินงานความร่วมมือในสาขาต่าง ๆ กับกรมความร่วมมือฯ ด้วย

นางอรุณีฯ กล่าวยินดีที่มีโอกาสหารือในวันนี้ โดยอินโดนีเซียเป็นคู่ร่วมมือที่ใกล้ชิดกับไทยมาอย่างยาวนาน ไทยและอินโดนีเซียได้กำหนดให้มีการประชุมวิชาการประจำปีเป็นกลไกในการหารือความร่วมมือทวิภาคีในสาขาต่าง ๆ โดยครั้งสุดท้ายฝ่ายอินโดนีเซียได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมฯ ครั้งที่ ๓ เมื่อปี ๒๕๕๔ ในการนี้ ฝ่ายไทยยินดีที่เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมฯ ภายในปีนี้ จึงขอเสนอให้ฝ่ายอินโดนีเซียพิจารณา เนื่องจากเห็นว่า จะเป็นเวทีในการหารือความร่วมมือระหว่างกันทั้งในรูปแบบทวิภาคีและไตรภาคีได้อย่างเป็นรูปธรรม และได้ให้ข้อมูลว่าที่ผ่านมา กรมความร่วมมือฯ ได้ดำเนินการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้เพื่อการพัฒนาเกษตรแบบยั่งยืนตามแนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในประเทศต่าง ๆ อาทิ ตองกา และมีแผนที่จะต่อยอดการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้ฯ ไปที่วานูอาตู และฟิจิ ด้วย แต่เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ทำให้ต้องหยุดชะงักไป

นางอรุณีฯ ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบทบาทของกรมความร่วมมือฯ ว่า ปัจจุบัน ได้ดำเนินงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนา โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมความมั่นคงของมนุษย์ใน  ๔ ด้าน ได้แก่ การจ้างงาน อาหาร สุขภาพ พลังงานและสิ่งแวดล้อม สำหรับความร่วมมือไตรภาคี อาจพิจารณาจัดการอบรมให้แก่ประเทศสมาชิกอาเซียนในหัวข้อที่เป็นลำดับสำคัญของวาระโลก อาทิ การจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การพัฒนาคุณภาพอากาศ และการจัดการขยะ เนื่องจากเป็นการดำเนินงานความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม และสามารถต่อยอดความร่วมมือในสาขาอื่น ๆ ในอนาคตได้  โดยฝ่ายอินโดนีเซียเห็นพ้องด้วย

ทั้งสองฝ่ายจะหารือร่วมกันทางออนไลน์ในรายละเอียดการจัดหลักสูตรการอบรมไตรภาคีร่วมกันต่อไป