เมื่อวันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๖๕ นางอุรีรัชต์ เจริญโต อธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ เข้าร่วมการหารือกับนายบาบะ ทาคาชิ Senior Director, Southeast Asia Division 4, Southeast Asia and Pacific Department องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JICA) ประเทศญี่ปุ่น พร้อมด้วยนายโมริตะ ทาคาฮิโร Chief Representative JICA ประเทศไทย และคณะ เพื่อหารือเกี่ยวกับภาพรวมความร่วมมือระหว่างกรมฯ กับ JICA รวมถึงนโยบายของ JICA ต่อไทย ตลอดจนติดตามความคืบหน้าโครงการต่าง ๆ โดยมีนายชีวินท์ ณ ถลาง รองอธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมด้วย ณ กรมความร่วมมือระหว่างประเทศ

ทั้งสองฝ่ายตระหนักถึงบทบาทของไทยและญี่ปุ่นในฐานะหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาทั้งระดับทวิภาคี ไตรภาคี และในกรอบอนุภูมิภาค โดยฝ่ายไทยเห็นว่าญี่ปุ่นเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาที่สำคัญที่มีความร่วมมือกันมายาวนานกว่า ๗๐ ปี ในขณะที่ฝ่ายญี่ปุ่นเล็งเห็นถึงบทบาทไทยที่เป็นประเทศผู้ให้รายใหม่ที่จะเป็นหุ้นส่วนสำคัญกับญี่ปุ่นในการขยายความร่วมมือกับประเทศที่สาม โดยสาขาความร่วมมือที่สำคัญ ประกอบด้วย เกษตร สาธารณสุข ความเชื่อมโยงระหว่างกัน สังคมผู้สูงวัย สิ่งแวดล้อม การเงิน สาธารณสุข การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (BCG Economy Model) และหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเป็นแนวคิดที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้กับทุกสาขาความร่วมมือ โดยในระดับภูมิภาค อธิบดีกรมความร่วมมือฯ ได้ชื่นชมบทบาทของญี่ปุ่นในการให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศในภูมิภาค อาทิ ในกรอบ ACMECS โดยในโอกาสนี้ อธิบดีกรมความร่วมมือฯ ได้เชิญญี่ปุ่นร่วมเป็นหุ้นส่วนในการดำเนินงานด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ภายใต้เสาที่ ๓ ของ ACMECS (Smart and Sustainable ACMECS) ที่กรมความร่วมมือฯ เป็นหน่วยงานประสานหลักของไทย

ที่ประชุมได้ติดตามสถานะการดำเนินโครงการความช่วยเหลือแบบให้เปล่าภายใต้โครงการ “The Programme for COVID-19 Crisis Response Emergency Support” ซึ่งเป็นการมอบอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อรับมือกับโรค COVID-19 ทั้งด้านการกักตัว การตรวจและรักษาโรค COVID-19 โดยมีพื้นที่ดำเนินการที่สำคัญในบริเวณชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยินดีที่ไทยและญี่ปุ่น ตกลงที่จะจัดส่งอาสาสมัครไทย ๒ คน ภายใต้โครงการ Friends from Thailand (FFT) ไปปฏิบัติงานด้านส่งเสริมการท่องเที่ยวและการพัฒนาชุมชนที่ญี่ปุ่น ซึ่งถือเป็นการจัดส่งอาสาสมัครไทยไปยังประเทศหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาเป็นประเทศแรก และจะช่วยกระชับความสัมพันธ์ระดับประชาชนของสองประเทศ ซึ่งสามารถเป็นสัญลักษณ์แห่งไมตรีจิตในวาระครบรอบ ๑๓๕ ปีความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ญี่ปุ่น และครบรอบ ๔๘ ปีการดำเนินงานของ JICA ฝ่ายไทยได้ใช้โอกาสนี้ในการขอบคุณฝ่ายญี่ปุ่นสำหรับความร่วมมือทวิภาคีกับไทย และความร่วมมือไตรภาคีในอนุภูมิภาคเป็นอย่างดีเสมอมา และหวังว่าในอนาคตทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันอย่างแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นต่อไป