เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2567 นางพิมพ์วดี โสวรัตนพงศ์ รองอธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ ได้ส่งมอบศูนย์เรียนรู้เพื่อการพัฒนาเกษตรแบบยั่งยืนตามแนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงให้แก่โรงเรียนเทคนิค-วิชาชีพแบบผสม แขวงอัตตะปือ สปป.ลาว ให้แก่นายหนูพัน อุดสา อธิบดีกรมอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการและกีฬา สปป.ลาว โดยมีนายบุนเสิด เสดทิลาด รองเจ้าแขวงอัตตะปือ นายพันทะวงบุดทะสะวง รองอธิบดีกรมเอเชีย แปซิฟิก และแอฟริกา หัวหน้าแผนกศึกษาธิการแขวงอัตตะปือ นายถาวอน สุดาวง ผู้อำนวยการโรงเรียนเทคนิค-วิชาชีพแบบผสม แขวงอัตตะปือ นายพรณรงค์ วรศิลป์ ผู้อำนวยการสถาบันการอาชีวศึกษาเกษตรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งฝ่ายไทยและลาวเข้าร่วมในพิธีส่งมอบดังกล่าว พร้อมทั้ง ได้เยี่ยมชมบูธแสดงผลิตภัณฑ์ซึ่งเป็นผลผลิตจากการดำเนินโครงการฐานเรียนรู้ต่าง ๆ ภายในศูนย์เรียนรู้ฯ โดยมีนายถาวอนฯ นำเยี่ยมชม โดยมีคณะครูและนักเรียนประจำฐานบรรยายสรุปเกี่ยวกับการดำเนินงานของแต่ละฐานเรียนรู้ 

ต่อมาในช่วงบ่าย รองอธิบดีกรมความร่วมมือระหว่างประเทศได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกำกับโครงการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้เพื่อการพัฒนาเกษตรแบบยั่งยืนตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้แก่โรงเรียนเทคนิค-วิชาชีพแบบผสม แขวงอัตตะปือ ครั้งที่ 2 โดยมีนายหนูพันฯ เป็นประธานร่วมฝ่ายลาว เพื่อรายงานผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา รวมทั้งหารือแผนการดำเนินงานหลังจากส่งมอบโครงการแล้ว  

ศูนย์เรียนรู้เพื่อการพัฒนาเกษตรแบบยั่งยืนตามแนวทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ณ โรงเรียนเทคนิค- วิชาชีพแบบผสม แขวงอัตตะปือ เป็นโครงการที่รัฐบาลไทยให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทด้านการต่างประเทศ มีระยะเวลาดำเนินโครงการ 5 ปี (2563-2567) โดยกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับสถาบันการอาชีวศึกษาเกษตรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ให้การสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้ฯ โดยปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน พร้อมจัดสร้างฐานการเรียนรู้และฝึกอบรมให้แก่ผู้บริหาร ครู และนักเรียนของโรงเรียนฯ เพื่อพัฒนาศักยภาพด้านการบริหารจัดการศูนย์เรียนรู้ฯ และองค์ความรู้ด้านการเกษตรเพื่อให้สามารถเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการเกษตรแบบยั่งยืนให้แก่แขวงอัดตะปือและชุมชนในแขวงโดยรอบต่อไป ซึ่งการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้ดังกล่าวได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีทั้งจากประธานประเทศ รัฐบาล สปป. ลาว และแขวงอัตตะปือ ซึ่งจะส่งผลให้ศูนย์เรียนรู้ฯ แห่งนี้สามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่องและมีความยั่งยืนต่อไป