ความร่วมมือกับหน่วยสันติภาพสหรัฐอเมริกา: Peace Corps of the United States

ช่วงปี ๒๕๖๑ – ๒๕๖๕ (อาสาสมัครรุ่นที่ ๑๓๐ – ๑๓๔)ความร่วมมือกับหน่วยสันติภาพสหรัฐอเมริกา: Peace Corps of the United States

ความเป็นมา

รัฐบาลไทยและรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ลงนามใน Country Agreement เมื่อวันที่  ๒๘  พฤศจิกายน ๒๕๐๔ (1961) เพื่อเป็นกรอบสนับสนุนการดำเนินงานด้านอาสาสมัครอเมริกัน ซึ่งหน่วยสันติภาพฯ ได้ส่งอาสาสมัครเข้ามาปฏิบัติงานในประเทศไทยครั้งแรกเมื่อปี ๒๕๐๕ (1962) เพื่อปฏิบัติงานร่วมกับหน่วยงานไทยในด้านการศึกษาภาษาอังกฤษ เกษตร การพัฒนาชนบท และสาธารณสุข ซึ่งที่ผ่านมาหน่วยสันติภาพฯ จะส่งอาสาสมัครมาปฏิบัติงานในประเทศไทย ปีละ ๑ ครั้ง (ในช่วงเดือนมกราคม) ครั้งละ ๕๐ – ๗๐ ราย และมีอาสาสมัครเข้ามาปฏิบัติงานแล้วกว่า ๕,๕๐๐ ราย

งบประมาณ:  กรมความร่วมมือฯ และหน่วยสันติภาพฯ ร่วมกันสนับสนุน โดยที่กรมความร่วมมือฯ สนับสนุนปีละ ๘๐๐,๐๐๐ บาท (ค่าตอบแทน จนท. ที่ไทย  ๔๐๐,๐๐๐  บาท และเงินอุดหนุนโครงการอาสาสมัคร ๔๐๐,๐๐๐ บาท) ตามข้อกำหนดใน Revision Number One of Memorandum of Agreement Concerning the Annual Contribution เมื่อวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๕๒๖ (1983)

การดำเนินงานในประเทศไทย:  กรมความร่วมมือฯ กับหน่วยสันติภาพฯ ได้ลงนามใน Exchange of Letters เมื่อวันที่

๒๘ ธันวาคม ๒๕๖๐ (2017)  ๒ ฉบับ เพื่อเป็นกรอบการดำเนินงานโครงการส่งอาสาสมัครมาปฏิบัติงานในประเทศไทย ๒  โครงการ คือ

          - Teacher Empowerment and Student Success (TESS) มีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างอาสาสมัครกับครูผู้สอน พัฒนาครูเพื่อความยั่งยืน สนับสนุนการปฏิรูปการศึกษาโดยยึดนักเรียน (ชั้นประถม) เป็นศูนย์กลาง และพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้เรียนและครอบครัวผ่านกระบวนการพัฒนาชุมชน โดยมีสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็น counterpart ฝ่ายไทย

          - Youth in Development Project (YinD) มีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมศักยภาพบทบาทเยาวชนในการเป็นผู้ใหญ่ในครอบครัว/ในการทำงาน และในฐานะพลเมือง โดยมีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเป็น counterpart ฝ่ายไทย

ระยะเวลาดำเนินโครงการ:   ๕ ปี ระหว่างปี ๒๕๖๑ – ๒๕๖๕ 

ระยะเวลาการปฏิบัติงานของอาสาสมัคร:  คนละ  ๒  ปี และขอขยายระยะเวลาการปฏิบัติงานได้ตามความเหมาะสม คราวละไม่เกิน ๑ ปี โดยความเห็นชอบของกรมความร่วมมือฯ หน่วยสันติภาพฯ และ counterpart ฝ่ายไทย

สถานะ

          ปัจจุบันมีอาสาสมัครอเมริกันปฏิบัติงานภายใต้โครงการ TESS และ YinD รวมทั้งสิ้น ๑18 ราย ประกอบด้วย อาสาสมัครรุ่นที่ ๑๒๙ จำนวน ๔ ราย (ปฏิบัติงานปีที่สาม) รุ่นที่ ๑๓๐ จำนวน 57 ราย และรุ่นที่ ๑๓๑ จำนวน ๕๗ ราย

การดำเนินงานต่อไป: 

          - การอบรมระหว่างการปฏิบัติงานช่วงแรก (IST) จะมีขึ้นในช่วงเดือน ก.ค. 62 โดยหน่วยสันติภาพฯ จะแจ้งกำหนดการให้กรมความร่วมมือฯ ทราบเพื่อพิจารณาการเข้าร่วมกิจกรรมต่อไป

          - คำขอรับอาสาสมัครอเมริกันรุ่นที่ 132 หน่วนสันติภาพฯ อยู่ระหว่างรวบรวมคำขอที่ผ่านการคัดเลือกแล้ว โดยจะส่ง shortlist ให้กรมความร่วมมือฯ ทราบในโอกาสต่อไป

บทบาทของกรมความร่วมมือฯ

          • บริหารจัดการความร่วมมือกับหน่วยสันติภาพฯ และอาสาสมัคร อาทิ การพิจารณาคุณสมบัติอาสาสมัคร การพิจารณาพื้นที่ปฏิบัติงานให้แก่อาสาสมัคร เข้าร่วมพิธีสาบานตน (รับ–ส่งมอบอาสาสมัคร) การพิจารณาคำขอของคู่ร่วมมือ (หน่วยงานไทยและสหรัฐฯ) การเข้าร่วมกิจกรรมอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์/สอดคล้องกับบทบาทของกรมฯ

          • ร่วมสนับสนุนงบประมาณ (ค่าตอบแทน จนท. ที่ไทย + อุดหนุนโครงการอาสาสมัคร) และค่าใช้จ่ายอื่นตามความเหมาะสม อาทิ ค่าอาหารว่าง/เครื่องดื่มสำหรับผู้เข้าร่วมพิธีสาบานตน การประชุมผู้บังคับบัญชา/ผู้ร่วมงานอาสาสมัคร

          • อำนวยความสะดวก/สิทธิพิเศษให้แก่ บุคลากรชาวต่างชาติของหน่วยสันติภาพฯ และอาสาสมัครที่เข้ามาปฏิบัติงานในประเทศไทย อาทิ การตรวจลงตรา การทำ multiple re–entry visa การพำนักในาชอาณาจักรไทยการจัดทำบัตรประจำตัว                     

การฝึกอบรมของหน่วยสันติภาพสหรัฐอเมริกา

• การฝึกอบรมก่อนการปฏิบัติงาน (Pre-Service Training: PST) ก่อนเริ่มปฏิบัติงานพื้นที่ต่าง ๆ อาสาสมัคร จะได้รับการฝึกอบรมภาษาไทยเป็นเวลา ๑๐ สัปดาห์ เกี่ยวกับความรู้เทคนิคด้านภาษาไทยในหลักสูตรเร่งรัด วัฒนธรรมไทย ประวัติศาสตร์ไทยและประเพณีไทย สุขภาพและความปลอดภัย รวมทั้งเรียนรู้เกี่ยวกับสาขาของงานที่ตนจะปฏิบัติโดยระหว่างการฝึกอบรมอาสาสมัครจะอยู่กับครอบครัวคนไทยและได้รับการฝึกอบรมในโรงเรียนในชุมชนที่พัก
• การประชุมบังคับบัญชา และผู้ร่วมงานกับอาสาสมัคร (Counterpart Conference) และพิธีสาบานตน (Swearing-in) ก่อนที่การฝึกอบรมในช่วงแรกสิ้นสุดจะมีการเชิญอาสาสมัครและผู้บริหารหรือผู้ร่วมงานกับอาสาสมัครมาร่วมประชุมเพื่อทำความเข้าใจกับโครงการ รวมถึงรับทราบรายละเอียดของบทบาทและ
  ความรับผิดชอบของแต่ละฝ่าย ก่อนที่จะมีพิธีสาบานตนการเป็นอาสาสมัครเต็มตัวและไปปฏิบัติงานในพื้นที่ต่าง ๆ
• การฝึกอบรมระหว่างการปฏิบัติงานช่วงแรก (In-Service Training: IST) หรือ Reconnect and Second Counterpart Conference จัดขึ้นหลังจากอาสาสมัครไปปฏิบัติงานในพื้นที่ได้ประมาณ ๓ เดือน โดยจะเชิญอาสาสมัครและผู้ร่วมงานกับอาสาสมัคร เข้าร่วมฝึกอบรมเพื่อทบทวนเป้าหมายของโครงการและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่ได้รับในชุมชน อีกทั้ง เป็นการเพิ่มพูนทักษะในการทำงานร่วมกันให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
• การฝึกอบรมระหว่างการปฏิบัติงานช่วงที่สอง (Mid-Service Conference: MSC) จัดขึ้นหลังจากอาสาสมัครไปปฏิบัติงานในพื้นที่ครบ ๑ ปี โดยจะเชิญเฉพาะอาสาสมัครเข้าร่วมอบรมเพื่อให้อาสาสมัครได้ทบทวนเป้าหมายของโครงการ สิ่งที่ประสบการณ์ความสำเร็จในรอบ ๑ ปีที่ผ่านมา รวมทั้งการติดตามผลเรื่องทักษะด้านภาษา เทคนิคเกี่ยวกับงาน พร้อมกับการตรวจสุขภาพประจำปี
• การประชุมเพื่อเตรียมตัวกลับภูมิลำเนา (Close of Service (COS) Conference) จัดขึ้นประมาณ ๓-๔ เดือน ก่อนวันสิ้นสุดการปฏิบัติงานอย่างเป็นทางการของอาสาสมัคร เพื่อให้อาสาสมัครได้มีโอกาสสะท้อนภาพการปฏิบัติงานที่ผ่านมา รวมทั้งทบทวนเป้าหมายของโครงการ และได้ประเมินสิ่งที่อาสาสมัครได้ทำในชุมชน ขณะเดียวกัน เป็นการเตรียมพร้อมเพื่อกลับประเทศสหรัฐอเมริกาด้วย

การแบ่งค่าใช้จ่ายภายใต้ความร่วมมือไทย – สหรัฐฯ

หน่วยสันติภาพสหรัฐอเมริกา (Peace Corps)

ภารกิจความร่วมมือหุ้นส่วนฯ

updated 14 May 2562

โครงการฝึกอบรมระหว่างประเทศว่าด้วยการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย

International Law Enforcement Academy (ILEA)

ความเป็นมา

     รัฐบาลสหรัฐฯ ได้สนับสนุนงบประมาณในการจัดตั้ง International Law Enforcement Academy (ILEA) ขึ้นในประเทศไทย โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ใช้ที่ดินบริเวณหลังสโมสรตำรวจ (ถ. วิภาวดีรังสิต) เพื่อก่อสร้างที่ทำการ (สหรัฐฯ สนับสนุน ๑ ล้าน USD ไทยสมทบ ๗๙,๗๗๙,๔๐๐ บาท) ซึ่งการจัดตั้ง ILEA ดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนการสร้างสถาบันยุติธรรมทางอาญาในเอเชีย โดยเน้นเรื่องข้อกำหนดของกฎหมายและเพิ่มความมั่นคง/ความเข้มแข็งของการเป็นหุ้นส่วน และความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายในเอเชีย รวมทั้งการจัดหลักสูตรฝึกอบรมด้านการป้องกันแก้ไขปัญหายาเสพติด การก่อการร้ายข้ามชาติ อาชญากรรมทางการเงิน ฯลฯ (เน้นเทคนิคและการบริหารจัดการ) ให้แก่พนักงานสืบสวนในกระบวนการบริหารงานยุติธรรม อีกทั้งยังส่งเสริมสัมพันธภาพระหว่างหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมายของสหรัฐฯ กับภาคีสมาชิก โดยเมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๔๑ ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ (รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ขณะนั้น) และ H.E. Mr. William H. Itoh (ออท.สหรัฐฯ ขณะนั้น) ได้ลงนามในข้อตกลงการจัดตั้งILEA ในประเทศไทย ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวได้กำหนดวัตถุประสงค์ ผู้บริหาร บทบาท/ความรับผิดชอบของทั้ง ๒ ประเทศในการบริหารจัดการและการหาเงินทุน ผลจากข้อตกลงได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการร่วมไทย–สหรัฐฯ เพื่อกำกับดูแลนโยบายและการปฏิบัติงานของ ILEA ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนที่ได้รับการแต่งตั้งจากแต่ละฝ่ายมาประชุมร่วมกันอย่างน้อยปีละ ๑ ครั้ง และปฏิบัติงานภายใต้ฉันทามติของทุกฝ่าย ซึ่งปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ เป็นกรรมการคณะกรรมการกำกับดูแลฝ่ายไทย ILEA ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้วย/คำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการฯ ตามแนบท้าย

การบริหารงานของ ILEA

          มีคณะกรรมการร่วมสหรัฐ–ไทย ILEA เป็นผู้ดูแลนโยบายการปฏิบัติงานและการใช้จ่ายงบประมาณ (ผบ.ตร. และอุปทูตสหรัฐฯ เป็นประธานร่วม) และมีคณะกรรมการกำกับดูแลฝ่ายไทยของ ILEA กำกับดูแลการดำเนินงานของฝ่ายไทย โดยมี ผบ.ตร. เป็นประธาน

โครงสร้างของ ILEA

          ประกอบด้วยผู้อำนวยการบริหาร (Executive Director) ซึ่งแต่งตั้งโดยรัฐบาลไทย มีหน้าที่ในการบริหารสถาบันฯ มีวาระในการดำรงตำแหน่ง ๒ ปี และมีรองผู้อำนวยการบริหาร (Deputy Executive Director) อีก ๑ ตำแหน่ง ซึ่งเป็นผู้แทนจาก สนง.ตำรวจแห่งชาติ ปัจจุบัน พล.ต.ต.สรร พูลศิริ เป็นผู้อำนวยการบริหาร และ พ.ต.อ. เกษมสันติ อยู่สุขสมบูรณ์ เป็นรองผู้อำนวยการบริหาร สำหรับผู้อำนวยการโครงการ (Program Director) ปัจจุบันคือ Mr. Andrew B. Cunney ซึ่งแต่งตั้งโดยรัฐบาลสหรัฐฯ มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการจัดหลักสูตรฝึกอบรม รวมทั้งค่าใช้จ่ายของฝ่ายสหรัฐฯ ตลอดจนพิจารณาคัดเลือกผู้เข้ารับการอบรม/วิทยากร โดยมี Ms. Tamiko Francis และ Mr. Michael Rohlfs เป็นรองผู้อำนวยการโครงการ

งบประมาณในการดำเนินงาน

          ข้อตกลงการจัดตั้งเมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน ๒๕๔๑ ระบุว่า ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของ ILEA สหรัฐฯ (โดย International Narcotics and Law Enforcement: INL/สอท.สหรัฐฯ) จะเป็นผู้สนับสนุนการจัดหลักสูตรฝึกอบรม (ยกเว้น ค่าใช้จ่ายสำหรับประเทศที่สามารถช่วยเหลือตนเองได้อย่างสิงคโปร์ บรูไน และฮ่องกง) ซึ่งค่าใช้จ่ายดังกล่าวหมายรวมถึงค่าจ้างบุคลากรจัดหลักสูตร ค่าเดินทางระหว่างประเทศ ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าที่พัก และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยรัฐบาลสหรัฐฯ จะจัดสรรให้เป็นรายปีๆ ละประมาณ ๑.๕ – ๒ ล้าน USD (ปรับเพิ่ม–ลดตามปัจจัยทางเศรษฐกิจ) เและจะเบิกจ่ายล่วงหน้าจากกรมความร่วมมือฯ ในลักษณะเดียวกับโครงการด้านยาเสพติด ทั้งนี้ การดำเนินงาน การจัดหลักสูตรในแต่ละปี ILEA จะเสนอแผนกิจกรรม/แผนการใช้งบประมาณเพื่อขอใช้งบฯ ดังกล่าว โดยข้อเสนอดังกล่าวจะต้องผ่านการพิจารณาและเห็นชอบจากคณะกรรมการร่วมฯ ก่อน  

งบประมาณที่ INL สนับสนุน ILEA (ผ่านกรมความร่วมมือฯ)

          ปี ๒๕๕๗     จำนวน   ๒,๒๕๘,๗๖๗    USD

          ปี ๒๕๕๘     จำนวน   ๒,๙๖๘,๗๐๙     USD

          ปี ๒๕๕๙      จำนวน  ๓,๓๐๐,๐๐๐       USD

          ปี ๒๕๖๐      จำนวน  ๒,๘๘๐,๔๗๕     USD

          ปี ๒๕๖๑      จำนวน  ๒,๕๔๕,๐๐๐       USD

ที่มา:  Letter of Agreement (LOA) ที่กรมฯ และ INL/สอท.สหรัฐฯ ลงนามร่วมกันในปีนั้นๆ

งบฯ ดังกล่าวเป็นค่าใช้จ่ายที่ใช้สำหรับการจัดหลักสูตรฝึกอบรม รวมทั้งบริหารสำนักงานโครงการฯ  ได้แก่ เงินเดือนเจ้าหน้าที่ ค่าสาธารณูปโภค ค่าเช่าเครื่องโทรสาร ค่าบำรุงรักษาอุปกรณ์สำนักงาน ค่าใช้จ่ายในการจัดสัมนาภายในของ ILEA เป็นต้น

ประเทศผู้เข้าร่วมฝึกอบรม

                หลักสูตรประจำปีในแต่ละหลักสูตรที่ ILEA จัดจะมีผู้แทนจากประเทศต่างๆ ในเอเชียเข้าร่วม ได้แก่ กัมพูชา สปป.ลาว เวียดนาม สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ จีน มาเลเซีย บรูไน ติมอร์ฯ ไทย เขตบริหารพิเศษฮ่องกง เขตบริหารพิเศษมาเก๊า เมียนมา และมองโกเลีย

หลักสูตรฝึกอบรมที่จัดในปีที่ผ่านมา

          หลักสูตรประจำปี (ตามแผน) ประมาณปีละ ๒๕ – ๓๐ หลักสูตร ซึ่งเน้นเรื่องการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด คอรัปชั่น อาชญากรรมทางการเงิน การก่อการร้าย/อาชญากรรมข้ามชาติ ฯลฯ รวมทั้งส่งเสริมการใช้เครื่องมือในการต่อสู้อาชญากรรมสากล อาทิ ความช่วยเหลือทางกฎหมาย  การส่งผู้ร้ายข้ามแดน  หลักสูตรเฉพาะและหลักสูตรผู้บริหารยุติธรรมทางอาญาอาวุโส โดยจะเน้นอภิปรายในหัวข้อที่เป็นความสนใจและประโยชน์ต่อเอเชีย ฯลฯ นอกจากการจัดฝึกอบรมหลักสูตรประจำปีแล้ว ILEA ยังรับจัดหลักสูตรฝึกอบรมด้านกฎหมาย และหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมให้กับต่างประเทศ (นอกแผน) อาทิ แคนาดา ออสเตรเลีย องค์กรระหว่างประเทศต่างๆ NGO ของยุโรป เอเชียกลาง ประมาณปีละ ๑๕ – ๒๐ หลักสูตร รวมทั้งจัดฝึกอบรมให้กับหน่วยงานไทยที่ได้รับการสนับสนุนงบจาก INL โดยตรงด้วย โดยงบที่ INL ให้การสนับสนุน นั้น INL จะออกเอกสาร Purchase Authorization/Technical Services (PA/T) ในลักษณะ direct payment ให้กับ ILEA ในฐานะเป็นผู้จัดหลักสูตร ทำให้ ILEA มีรายได้จากการดำเนินงานในลักษณะนี้ด้วย

บทบาทกรมความร่วมมือระหว่างประเทศต่อ ILEA

          ๑. พิจารณา/ลงนามเอกสาร PA/T (เอกสารทางด้านงบประมาณ) เพื่อประกอบการเบิกจ่ายงบประมาณสำหรับดำเนินกิจกรรม

          ๒. อำนวยความสะดวกในการเบิกจ่ายงบประมาณสำหรับทำกิจกรรม (ตาม PA/T) ในลักษณะการเบิกล่วงหน้า ตลอดจนการตรวจสอบใบสำคัญการใช้เงิน (ตาม LOA ระหว่างกรมฯ กับ INL)

          ๓. อำนวยความสะดวกด้านสิทธิพิเศษและยกเว้นภาษี/รับรองสิทธิการจัดซื้ออัตราร้อยละ ๐ สำหรับวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ของ ILEA

                                                                                                                                E: ILEA_courtesy call

                                                                                                   อัพเดท พ.ค. 62